ออรัล เซ็กส์ นับว่าเป็นเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์ที่เป็นการทำให้คู่รักนั้นได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและยังสามารถทำให้คู่รักเหล่านั้นเพลิดเพลินไปกับการมีเซ็กส์อีกด้วย แต่ว่าในบางครั้งวิธีการทำออรัลเซ็กส์บางทีอาจนำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคร้ายต่างๆได้มากมายอย่างโรคติดเชื้อเอชพีวี โรคซิฟิลิส และยังรวมไปถึงโรคเอดส์เพราะฉะนั้น ก่อนมีกิจกรรมทางเพศด้วยวิธีการแบบนี้ ควรศึกษารายละเอียดอื่นๆเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อแล้วก็วิธีการทำออรัลเซ็กส์อย่างปลอดภัย
ออรัล เซ็กส์ คือ อะไร ?
ออรัล เซ็กส์ คือ การใช้ช่องปาก ริมฝีปาก หรือลิ้น กระตุ้นรอบๆอวัยวะเพศชาย อวัยวะเพศหญิง ทวารหนัก หรือส่วนที่อยู่ใกล้เคียงกับบริเวณดังกล่าวข้างต้นเพื่อคู่รักเกิดอารมณ์ ซึ่งทำได้ทั้งคู่รักเพศเดียวกันแล้วก็คู่รักต่างเพศ จากสถิติบางส่วนพบว่ากว่า 85 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มของผู้คนที่เคยมีเพศสัมพันธ์ที่มีอายุโดยประมาณ 18-44 ปี เคยผ่านวิธีการทำออรัลเซ็กส์อย่างต่ำ 1 ครั้งกับคู่นอนที่เป็นเพศตรงข้ามของตัวเอง และก็ยังมีการค้นคว้าวิจัยอีกชิ้นหนึ่งบอกว่า วัยรุ่นชายหญิงที่มีอายุโดยประมาณ 15-17 ปีกว่าร้อยละ 33 เคยทำออรัลเซ็กส์กับคู่นอนที่เป็นเพศตรงข้ามของตัวเอง ซึ่งโดยรวมแล้วคู่รักในวัยต่างๆมีแนวโน้มทำกิจกรรมดังกล่าวกันเยอะขึ้นเรื่อยๆด้วย
ความเสี่ยงที่อาจมาพร้อม ออรัล เซ็กส์
วิธีการทำออรัลเซ็กส์นั้นบางทีอาจเป็นช่องทางส่งผ่านเชื้อโรคบางประเภทได้ โดยเชื้อโรคและก็โรคร้ายที่อาจมาพร้อมด้วยกิจกรรมนี้ ดังเช่น
เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่อง (HIV)
เป็นเชื้อไวรัสสาเหตุของโรคเอดส์ โดยผู้กระทำออรัลเซ็กส์อาจมีความเสี่ยงมากขึ้นถ้าหากมีแผลในปาก มีเลือดออกที่เหงือก มีแผลที่อวัยวะเพศ ปากสัมผัสกับเลือดประจำเดือน หรือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆอยู่ แม้ว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญบอกว่าความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโรคเอชไอวีจากวิธีการทำออรัลเซ็กส์นั้นมีน้อยก็ตาม แต่ว่าก็ยังสรุปแน่ชัดไม่ได้ เพราะว่าข้อมูลการศึกษาค้นคว้าวิจัยโดยตรงในด้านนี้มีน้อยมาก อีกทั้งคู่รักส่วนมากก็ทำออรัลเซ็กส์แล้วก็มีเพศสัมพันธ์ในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน
เชื้อเอชพีวี (HPV)
เป็นเชื้อไวรัสที่มีมากยิ่งกว่า 170 สายพันธ์ุ ติดต่อกันได้อีกทั้งจากวิธีการทำออรัลเซ็กส์และก็การมีเพศสัมพันธ์แบบต่างเพศแล้วก็รักร่วมเพศ ซึ่งเชื้อไวรัสดังกล่าวบางทีอาจเป็นต้นเหตุของโรคร้ายหลายประเภท ตัวอย่างเช่น โรคมะเร็งปากมดลูก โรคมะเร็งช่องปาก โรคมะเร็งลำคอ หรือหูดที่อวัยวะเพศ ฯลฯ แต่ว่าในบางครั้งการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีบางทีอาจไม่ทำให้ปรากฏอาการใดๆเลยก็ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าหากสงสัยว่าตนเองหรือคนรักอาจติดเชื้อไวรัสดังกล่าว ควรจะงดเว้นกิจกรรมทางเพศแล้วไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างถูกต้อง
สนับสนุนโดย ชุดตรวจ hiv