มารู้จักโรค ฝีดาษลิง กันเถอะ 

ฝีดาษลิง เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับโรคฝีดาษ (Smallpox) ซึ่งเป็นโรคที่ถูกกำจัดไปแล้วทั่วโลกในปี ค.ศ. 1980 โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ไวรัสที่ทำให้เกิดฝีดาษลิงจัดอยู่ในกลุ่ม Orthopoxvirus เช่นเดียวกับไวรัสที่ทำให้เกิดโรคฝีดาษ แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า

ฝีดาษลิงมีระยะฟักตัวเฉลี่ยประมาณ 6-13 วัน โดยอาการแรกของผู้ป่วยมักจะเริ่มจากการมีไข้สูง ปวดหัวอย่างรุนแรง ปวดกล้ามเนื้อ และมีอาการเหนื่อยล้า

ต่อมาอาการจะพัฒนาเป็นผื่น ซึ่งจะเริ่มปรากฏที่ใบหน้าและลำตัวก่อน จากนั้นจะกระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ผื่นที่เกิดขึ้นจะเปลี่ยนเป็นตุ่มน้ำที่มีลักษณะคล้ายกับตุ่มฝีดาษ จากนั้นตุ่มน้ำจะกลายเป็นตุ่มหนองและแห้งหลุดออกเป็นสะเก็ดในที่สุด ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการต่อมน้ำเหลืองโตร่วมด้วย ซึ่งเป็นลักษณะเด่นที่แตกต่างจากโรคฝีดาษ

 

โรคฝีดาษลิงพบครั้งแรกในแถบแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตกซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง แต่ในปัจจุบันการแพร่ระบาดได้ขยายไปยังหลายประเทศทั่วโลก การติดต่อของโรคสามารถเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสโดยตรงกับของเหลวจากตุ่มแผลของผู้ป่วย การสัมผัสสารคัดหลั่งเช่น น้ำลาย หรือการใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อได้จากสัตว์ป่าที่เป็นพาหะของไวรัสสู่คน เช่น หนูและลิง

 

โรคฝีดาษลิงมีความรุนแรงแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายได้เองภายใน 2-4 สัปดาห์

แต่บางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนในผิวหนัง ปอดบวม สมองอักเสบ หรือในบางกรณีอาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ อย่างไรก็ตาม อัตราการเสียชีวิตจากฝีดาษลิงยังคงต่ำกว่าโรคฝีดาษมาก โดยเฉพาะในพื้นที่นอกแอฟริกา

 

ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาเฉพาะทางสำหรับโรคฝีดาษลิง การรักษาส่วนใหญ่เป็นการรักษาตามอาการ เช่น การลดไข้ การให้สารน้ำเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ และการใช้ยาต้านเชื้อแบคทีเรียหากมีการติดเชื้อแทรกซ้อน ในบางกรณีอาจมีการใช้ยาต้านไวรัส เช่น tecovirimat ซึ่งเป็นยาที่ได้รับการอนุมัติสำหรับการรักษาฝีดาษและโรคอื่นๆ ที่เกิดจากไวรัสกลุ่ม Orthopoxvirus แต่การใช้งานยังคงอยู่ในขั้นการทดลองและการศึกษา

วิธีการป้องกันที่สำคัญคือการหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ป่าที่อาจเป็นพาหะของไวรัส และการหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อโดยตรง นอกจากนี้การปฏิบัติตามมาตรการสุขอนามัยพื้นฐาน เช่น การล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำ หรือการใช้เจลแอลกอฮอล์ สามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้

การเฝ้าระวังและควบคุมการระบาดของโรคฝีดาษลิงได้รับความสนใจอย่างมากจากหน่วยงานสาธารณสุขทั่วโลก โดยมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด การประกาศเตือนภัย การแยกผู้ป่วยที่ติดเชื้อ และการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการป้องกันตนเอง นอกจากนี้ยังมีการวิจัยและพัฒนาวัคซีนใหม่ๆ ที่อาจใช้ได้ในอนาคตเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงอย่างแพร่หลาย

 

โรคฝีดาษลิงถึงแม้จะไม่รุนแรงเท่ากับโรคฝีดาษ แต่การติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดยังคงมีความสำคัญในการป้องกันการแพร่กระจายของโรคในชุมชนต่างๆ ทั่วโลก

 

ได้รับการสนับสนุนโดย      ทัวร์คาสิโนเวียดนาม