ไม่ว่าคุณจะยืน จะนั่ง หรือจะนอน การดูแลสุขภาพก็ทำได้ง่ายๆ

เชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายถ้าหากต้องเจอกับสภาวะสีของริมฝีปากนั้นเป็นสีดำคล้ำก็คงจะไม่ชอบใจอย่างแน่นอนดังนั้นวันนี้เราจะมาดูกันว่าสาเหตุที่ทำให้ริมฝีปากของคนเราเป็นสีดำคล้ำนั้นมีสาเหตุมาจากอะไรบ้างซึ่งบางสาเหตุนั้นเราก็สามารถหาวิธีป้องกันได้เช่นเดียวกัน

 

สำหรับสาเหตุที่ริมฝีปากของเราสีดำคล้ำไม่น่ามองนั้นอาจจะเกิดมาจากกรรมพันธุ์ 

เนื่องจากว่าผิวของแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับว่ากรรมพันธุ์ของคนเรานั้นเป็นผิวสีอะไรซึ่งถ้าหากว่ามีกรรมพันธุ์ต้นตระกูลเป็นคนผิวดำโอกาสที่ริมฝีปากของเราจะเป็นสีชมพูนั้นก็เป็นไปได้น้อยมากซึ่งส่วนใหญ่แล้วเมื่อมีกรรมพันธุ์เป็นคนผิวดำคล้ำริมฝีปากก็มักจะมีผิวสีคล้ำเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้บางคนยังไม่ดูแลหรือใส่ใจตนเอง  เพราะริมฝีปากสิวดำคำนั้นอาจจะเกิดจากการกระทำของบุคคลนั้นเองก็ได้นั่นก็คือการสูบบุหรี่จะเห็นได้ว่าคนที่สูบบุหรี่จะมีริมฝีปากที่เป็นสีดำคล้ำอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากว่าในบุหรี่นั้นมีสารชนิดหนึ่งที่จะไปทำให้เส้นเลือดฝอยหดตัวและไม่สามารถนำเลือดไปหล่อเลี้ยงบริเวณริมฝีปากได้เพียงพอ

ซึ่งสารชนิดดังกล่าวก็คือสารนิโคตินนั่นเองดังนั้นบุหรี่ไม่ใช่เพียงแค่อันตรายต่อตับและปอดหรืออวัยวะภายในร่างกายเพียงเท่านั้นแต่เอาไว้ว่าภายนอกของเราอย่างเช่นริมฝีปากก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันหากเป็นไปได้ก็งดเว้นการสูบบุหรี่จะเป็นการดีที่สุด

การที่เราไม่ได้รู้แต่ใส่ใจริมฝีปากของเรานั้นไม่ใช่เพียงแค่การที่เราสูบบุหรี่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่การที่เราไม่ใส่ใจกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากมลพิษทางอากาศหรือจากรังสี UV ที่อาจจะมาโดนริมฝีปากของเราก็เป็นการมองข้ามและไม่ใส่ใจริมฝีปากเช่นเดียวกันเพราะเมื่อเราโดนมลพิษจากอากาศ

หรือแม้แต่รังสี UV รีบๆปากของเราก็สามารถคล้ำได้เหมือนกับผิวหนังของคนเรานั่นเองและบางคนนั้นอาจจะมีปัญหาชอบมีพฤติกรรมการเรียนหรือเปล่าซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวนั้นส่งผลทำให้ริมฝีปากดำคล้ำเพราะในน้ำลายของเรานั้นจะมีเอนไซม์ชนิดหนึ่งซึ่งเอนไซม์ชนิดนี้มันจะไปทำลายการทำงานของเซลล์ผิวทำให้เกิดเซลล์ผิวดำคล้ำได้นั่นเอง 

นอกจากนี้การที่บางคนนั้นเลือกทาลิปสติกที่มีคุณสมบัติสีติดทนนานไม่ทิ้งรอยไม่ลบเลือนระหว่างวันก็จะมีผลทำให้สารเคมีในลิปสติกดังกล่าวนั้นติดทนอยู่ที่ริมฝีปากและทำให้เกิดความระคายเคืองหรือบางคนอาจจะแพ้ลิปสติกแล้วก็ทำให้ผิวหนังเกิดความระคายเคืองทำให้เกิดปากแห้งขึ้นมาและส่งผลทำให้ริมฝีปากเกิดสีดำคล้ำได้เช่นกัน

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    คาสิโนเวียดนาม

ปริศนาของขนบริเวณก้น (หรือ “ขนตูด”) เป็นเรื่องที่อาจจะดูเป็นเรื่องตลกหรือไม่สำคัญสำหรับหลายคน แต่ในความเป็นจริง มันเป็นคำถามที่เกี่ยวข้องกับวิวัฒนาการและสรีรวิทยาของมนุษย์ ขนบริเวณก้นเป็นหนึ่งในตัวอย่างของขนตามร่างกายที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนที่สุดในแง่ของหน้าที่ทางวิวัฒนาการ แต่ก็มีทฤษฎีหลายอย่างที่ถูกนำเสนอเพื่ออธิบายความสำคัญของขนนี้

1. ความคุ้มครองและการปกป้อง: 

ขนตามร่างกายโดยทั่วไปมีบทบาทในการปกป้องผิวหนังจากสิ่งแวดล้อม ขนบริเวณก้นอาจทำหน้าที่เป็นตัวป้องกันการระคายเคืองจากการเสียดสีระหว่างแก้มก้นเมื่อเราเดินหรือนั่ง ขนนี้อาจช่วยลดแรงเสียดทานและลดโอกาสเกิดแผลพุพองหรือการระคายเคืองอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง

2. การคุ้มครองจากการติดเชื้อ:

อีกทฤษฎีหนึ่งเสนอว่าขนบริเวณก้นอาจช่วยป้องกันการติดเชื้อ โดยทำหน้าที่เป็นแนวป้องกันระหว่างผิวหนังและสิ่งแปลกปลอมที่อาจเข้ามาในร่างกาย เช่น เชื้อโรคหรือแบคทีเรีย ขนเหล่านี้สามารถช่วยกักกันสิ่งสกปรกและช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อได้

3. การรักษาความอบอุ่น:

ในช่วงเวลาที่มนุษย์ยังไม่สวมใส่เสื้อผ้าตลอดเวลา ขนตามร่างกาย รวมถึงขนบริเวณก้น อาจช่วยในการรักษาความอบอุ่นของร่างกายในสภาพอากาศหนาวเย็น การมีขนในบริเวณต่างๆ ของร่างกายทำให้เกิดการเก็บกักอากาศอุ่นใกล้กับผิวหนัง ซึ่งช่วยในการรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

4. การดึงดูดทางเพศ:

ในสัตว์บางชนิด ขนตามร่างกายสามารถมีบทบาทในเรื่องของการดึงดูดเพศตรงข้าม อย่างไรก็ตาม บทบาทของขนบริเวณก้นในมนุษย์ในแง่นี้ยังไม่มีการศึกษาอย่างละเอียด แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่ามีบทบาทในการสื่อสารทางเพศในบางรูปแบบในอดีต

5. ทฤษฎีที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์:

ถึงแม้ว่าทฤษฎีเหล่านี้จะมีความสมเหตุสมผลในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่มีทฤษฎีใดที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นคำตอบที่แน่นอน ขนบริเวณก้นยังคงเป็นปริศนาในทางชีววิทยาและวิวัฒนาการของมนุษย์ นักวิทยาศาสตร์ยังคงศึกษาและวิจัยในเรื่องนี้เพื่อหาคำตอบที่ชัดเจนขึ้น

ในท้ายที่สุด ขนบริเวณก้นเป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของวิวัฒนาการและ  เครื่องช่วยฟังราคาถูก     การพัฒนาทางร่างกายของมนุษย์ แม้ว่ามันอาจจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือไม่สำคัญ แต่การทำความเข้าใจเกี่ยวกับปริศนาเหล่านี้สามารถช่วยให้เราเข้าใจถึงความซับซ้อนและการปรับตัวของร่างกายมนุษย์ตลอดเวลาหลายล้านปีที่ผ่านมา

ปรับปรุงบ้านใหม่ เพื่อรับความมงคลเข้าบ้าน เป็นทั้งการรวมความเชื่อและความจริงเข้ามา ไม่ใช่เรื่องงมงายเลย เพราะบางทีการปรับเปลี่ยนนี้ก็ช่วยทำให้ชีวิตดีขึ้นจริง ๆ

 

– ลงสีห้องให้เป็นโทนเดียวกันและก็เลือกใช้สีที่สมควร

การที่ห้องหนึ่งมีฝาผนังหลายโทนสีจะก่อให้พลังของสีตัดกัน ก่อให้เกิดความระส่ำระสายได้ ควรที่จะทำการเลือกสีตามความหมายของฮวงจุ้ยข้างล่างให้เหมาะสมกับการใช้สอยของห้อง เป็นต้นว่า แม้อยากได้จัดบ้านให้มั่งคั่ง ห้องทำงานควรจะใช้โทนสีฟ้าเป้าหมายถึงความรวย สีขาวเป็นความคิดริเริ่ม สีเหลือง สีทองคำ สีเนื้อเป็นความยั่งยืนและมั่นคง

สีฟ้าหมายถึงความมั่งมีและก็จังหวะดี สีเขียวเป็นสุขภาพและก็ความก้าวหน้า สีชมพูและก็สีแดงหมายถึงความยั่งยืนมั่นคงทางสถานะสังคมและก็ความรัก แล้วก็การช่วยส่งเสริม สีน้ำตาลหมายถึงสุขภาพ สีน้ำตาลอมเทาและก็สีเทาเป็นความยั่งยืนของครอบครัว

 

– แนวทางจัดบ้านให้น่าอยู่ตลอด

เพื่อรักษาพลังดีรวมทั้งรับพลังใหม่ใช้เสร็จแล้วเก็บเข้าที่เข้าทางเลย เมื่อจับอะไรออกมาใช้แล้วก็ใช้งานเสร็จแล้ว ก็ให้เก็บเข้าลิ้นชัก ตู้ ชั้นที่มีไว้วางสิ่งของ หรือสถานที่จัดเก็บที่สมควรเลย ไม่ต้องรอคอยให้เกลื่อนกลาดหรือถึงวันกวาดแล้วจึงค่อยจัดเก็บ เพราะเหตุว่าความรกไม่เป็นระเบียบที่เริ่มเกิดขึ้นจะมีผลต่อการสกัดกันการรับพลังดีในทันที การจัดบ้านให้เรียบร้อยอยู่ตลอดก็เลยเป็นสิ่งที่ไม่สมควรละเลย

 

– ใช้เสร็จแล้วชำระล้างเลย

อย่าทำให้เปรอะเปื้อนเป็นดินพอกหางหมูและหลังจากนั้นก็ค่อยชำระล้าง เพราะเหตุว่าโน่นจะมีผลต่อการสกัดกันการรับพลังดีไปเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน การกวาดหลังจากที่ได้ทำการใช้งานแล้วจะมีผลให้ไม่อ่อนล้านักเมื่อเทียบกับการกำจัดความเปรอะเปื้อนที่เกิดขึ้นมาจากหมักหมมเป็นระยะเวลาหนึ่ง

 

– แบ่งชำระล้างวันละนิด

การหมักฝุ่นผงและก็หลังจากนั้นจึงค่อยชำระล้างทีเดียวอีกทั้งบ้านจะต้องใช้เวลานานมากมาย เมื่ออิดโรย ก็บางทีอาจยกเลิกกึ่งกลางครันและก็รอบๆที่เปรอะเปื้อนก็จะยังคงกีดกั้นไม่ให้ได้รับมงคลถัดไป การจัดบ้านให้สะอาดโดยทำความสะอาดละห้องหรือรอบๆ จะช่วยทำให้ทุกหัวระแหงได้รับการดูแลและรักษาความสะอาดข้างในหนึ่งอาทิตย์

ฮวงจุ้ยเท่ากับพลังงานธรรมชาติสิ่งแวดล้อมของพวกเรา การจัดบ้านตามฮวงจุ้ยก็เลยเป็นการจัดแจงสิ่งแวดล้อมเพื่อนำพลังดีในธรรมชาติมาช่วยสนับสนุนการใช้ชีวิตให้ดีขึ้น เพื่อรับสิ่งมงคลได้อย่างมาก นอกเหนือจากการจัดบ้านที่มาแนะนำวันนี้ยังสามารถทำอะไรได้อีกมาก

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟัง ดิจิตอล

เบื้องหลังสาวสตรอเบอร์รี่ทุกคนและการทำเล็บเคลือบบราวนี่คือ  เครื่องช่วยฟัง     ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของบางสิ่งบางอย่าง สาวสตรอเบอร์รี่ ความงามแบบ “สาวสะอาด” และ Barbiecore เป็นเพียงเทรนด์บางส่วนที่เข้ามามีส่วนร่วมในพื้นที่ความงามออนไลน์ในปีที่ผ่านมา

แม้ว่ากระแสนิยมจะเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ความเร็วที่เรากำลังวนเวียนไปตามสุนทรียศาสตร์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่า เรากำลังค้นหาอะไรที่มากกว่าแค่เฉดสีลิปสติกที่สวยงาม ในขณะที่เราไล่ตามกระแสที่เกิดขึ้นชั่วขณะ การบังคับให้มีส่วนร่วมนี้บอกเรามากมายเกี่ยวกับความเหงาและความโหยหาการเป็นเจ้าของ การเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์ และชุมชนในยุคปัจจุบัน

Taryn Thrasher อาจารย์ด้านจิตวิทยาจาก California State University Long Beach กล่าวว่าความหลงใหลในหัวข้อที่กำลังมาแรงของเรานั้นหยั่งรากลึกเกินกว่าที่ใครจะคิดได้

“มนุษย์มีแนวโน้มที่จะแสวงหาสิ่งใหม่ๆ” เธออธิบาย “มันกระตุ้นศูนย์รางวัลในสมองของเรา ดังนั้นเมื่อมีเทรนด์ใหม่ ไม่เพียงแต่โอกาสในการปลูกฝังความรู้สึกเป็นเจ้าของเท่านั้น แต่ยังเป็นรางวัลประสาทเคมีสำหรับการได้รับความชื่นชมจากเพื่อนสมาชิกในชุมชนเมื่อคุณทำซ้ำได้สำเร็จ แนวโน้ม

การตรวจสอบความถูกต้องจากผู้อื่นช่วยเสริมการมีส่วนร่วมในกระแสและมีส่วนทำให้เกิดวงจรของไวรัลที่เราเห็นในโซเชียลมีเดียทุกวันนี้” เมื่อเรามีส่วนร่วมในเทรนด์ เราจะกลายเป็นผู้มีส่วนร่วมในการสนทนามากกว่าผู้สังเกตการณ์ ซึ่งทำให้เรารู้สึกเชื่อมโยงกับชุมชน คนที่มีความคิดเหมือนกัน และสังคม

โดยรวมมากขึ้น การมีส่วนร่วมทำให้เราได้รับการตอบรับเชิงบวกจากแวดวงดิจิทัลของเรา และในกรณีเช่น TikTok และ Instagram คนแปลกหน้าบนอินเทอร์เน็ต การยืนยันเหล่านี้สามารถเสริมความรู้สึกเชิงบวกต่อตนเองได้ แนวโน้มต่อไปนี้สามารถนำไปสู่ความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้จากการศึกษาในปี 2022 เกี่ยวกับผลกระทบเชิงบวกของโซเชียลมีเดีย

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ยิ่งเรามีส่วนร่วมในเทรนด์มากเท่าไร เราก็ยิ่งรู้สึกมีส่วนร่วมและเข้าสังคมมากขึ้นเท่านั้น “หากใครสักคนได้รับการยอมรับเข้าสู่วัฒนธรรมที่กำลังมาแรง

มันจะเพิ่มโอกาสในการมีส่วนร่วมกับผู้อื่น และด้วยเหตุนี้จึงเป็นการเพิ่มปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของพวกเขาด้วย” เดสติน โจนส์ ผู้ฝึกหัดด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยโอไฮโอกล่าว นี่เป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากมนุษย์มีความต้องการที่แท้จริงในการเชื่อมโยงกับผู้อื่นและเป็นที่ยอมรับของสังคม

และการมีความรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งนี้เป็นส่วนสำคัญต่อสุขภาพทางอารมณ์และร่างกายของเรา ความเหงาเป็นเวลานานสามารถนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวล และมีความเสี่ยงต่อสุขภาพเช่นเดียวกับการสูบบุหรี่ และกำลังเพิ่มมากขึ้น ในปี 2022 ผู้ใหญ่เกือบครึ่งหนึ่งในสหราชอาณาจักร (ร้อยละ 49.6) รายงานว่ารู้สึกเหงา ในขณะที่ร้อยละ 7 ประสบกับความเหงาเรื้อรัง

ส่วนหนึ่งของปัญหาคือเรากำลังสูญเสียพื้นที่ทางกายภาพที่สาม และหันมาใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้นเพื่อค้นหาชุมชนและสนองความต้องการในการเป็นเจ้าของ พื้นที่ความงามออนไลน์มีศักยภาพในการทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความเป็นชุมชนด้วยการรีวิวที่เข้ากัน การนำเสนอเฉพาะกลุ่มและหลากหลาย

การเฉลิมฉลองการขยายเพศ การเยียวยาปัญหาผิวโดยไม่ต้องตัดสิน และกิจวัตรความงามที่เข้าถึงได้ทางกายภาพ อย่างไรก็ตาม เพื่อที่จะเข้าถึงโลกนี้ อาจรู้สึกว่าจำเป็นต้องมีส่วนร่วมในทุกเทรนด์และสุนทรียภาพแบบไมโครนิชที่แพร่ระบาดไปพร้อมกับผลิตภัณฑ์ใหม่และความกดดันทั้งหมดที่เกิดขึ้น

เช่นเดียวกับทุกสิ่งในโลกที่ขับเคลื่อนโดยผู้บริโภค มีอุปสรรคทางการเงินในการมีส่วนร่วมในระดับต่างๆ ของแวดวงความงาม และในขณะที่ผลิตภัณฑ์ด้านความงามมักจะมีราคาไม่แพงกว่าแฟชั่น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวัฒนธรรมที่หลอกลวงซึ่งได้กำจัดความอับอายในการเลือกซื้อสินค้าที่มีราคาต่ำกว่าไปมากแล้ว การมีความรู้สึกของการเป็นชุมชนที่พึ่งพาลัทธิบริโภคนิยมหมายความว่าความรู้สึกเป็นเจ้าของอาจรู้สึกตื้นเขินและไม่แน่นอน

ข้อเสียอีกประการหนึ่งของชุมชนไซเบอร์อยู่ที่อัลกอริธึม เนื่องจากฟีดโซเชียลกรองสิ่งที่เราชอบมากขึ้น ชุมชนที่ได้รับเลือกอาจกลายเป็นห้องสะท้อนที่สนับสนุนคุณลักษณะความงามแบบยูโรเซนตริก ซึ่งหมายความว่าผู้คนจำนวนมากที่เข้ามาในพื้นที่เหล่านี้เพื่อค้นหาการปลอบใจจะถูกผลักไสให้อยู่ชายขอบ ตัวอย่างเช่น การนำ “ความงามของสาวสะอาด” ตามกระแส

โดยส่วนใหญ่ดึงมาจากแนวทางปฏิบัติด้านความงามของคนผิวดำและลาติน แต่เลือกที่จะให้ความสำคัญกับผู้คน (ส่วนใหญ่เป็นคนผิวขาว) ที่เคยพิจารณาชุมชนเหล่านี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อหาห่วงทองของพวกเขา ซาลาเปาที่เรียบลื่น และชัดเจน ริมฝีปากมันวาวและเรียงราย

คู่มือสำหรับผู้หญิงวางแบบตู้ที่มีไว้เก็บเสื้อผ้าให้ตรงจิตใจ ได้ทั้งยังวางแบบแล้วก็การใช้แรงงาน มองเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อโรคเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 ต่ำลง คนจำนวนไม่น้อยเตรียมความพร้อมเตรียมตัวกลับไปดำรงชีวิตตามธรรมดา ซึ่งภายหลังที่เราก็อยู่กับบ้านเก็บเนื้อเก็บตัวมานาน ข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้าที่มิได้ใช้นาน

แล้วก็ของที่ช้อปปิ้งออนไลน์มาไม่ยั้งก็บางครั้งอาจจะล้นตู้ได้ วันนี้ขอส่งต่อความคิดดีๆสำหรับในการ DIY ดีไซน์ตู้ที่มีไว้สำหรับใส่เสื้อผ้าด้วยตัวเอง จัดระบบของใช้ต่างๆให้มีพื้นที่จัดเก็บตอบปัญหาทั้งยังด้านวางแบบที่สวยแล้วก็การใช้สอย

 

เริ่มจากการแยกจำพวกเสื้อผ้ารวมทั้งข้าวของต่างๆที่มีก่อน โดยมีแนวทางการแยกประเภทดังต่อไปนี้

– เสื้อผ้าเสื้อผ้า แยกย่อยเป็นเสื้อ กางเกง กระโปรง เดรส ชุดใส่สำหรับทำงาน ชุดออกงานที่เป็นทางการ ชุดใส่เล่น ชุดบริหารร่างกาย ชุดที่มีไว้ใส่ว่ายน้ำ ชุดใส่นอน รวมทั้งยกทรง

– เครื่องเพชรพลอยและก็แอคเซสเซอปรี่ จัดแยกหมู่เป็นเครื่องเพชรพลอย แว่นตาดำ ผ้าที่เอาไว้พันคอ หมวก ถุงมือ ถุงเท้า รวมทั้งเครื่องหนังอย่างรองเท้า กระเป๋าหิ้ว

– ผ้าขนหนูรวมทั้งเสื้อคลุมสำหรับใส่เวลาอาบน้ำ ควรจะจัดแยกให้เรียบร้อย รวมทั้งหมั่นดูแลพื้นที่จัดเก็บให้สะอาดและก็มิดชิดอยู่ตลอด

หลังจากนั้นประเมินว่าเสื้อผ้าแต่ละประเภทมีจำนวนมากน้อยเท่าใด เพื่อไม่ยุ่งยากต่อการแบ่งรูปร่างพื้นที่จัดเก็บให้พอเพียง รวมทั้งถือใช้ได้ง่าย โดยเลือกใช้ตัวช่วยด้านการจัดเก็บในตู้ที่มีไว้เก็บเสื้อผ้าที่มีให้เลือกมากไม่น้อยเลยทีเดียวนานัปการแบบอย่าง หรือแม้ผู้ใดกันอยากที่จะซื้อตู้ที่มีไว้สำหรับเก็บเสื้อผ้าใบใหม่ ก็สามารถเริ่มกรรมวิธีการดีไซน์ได้ไม่ยากด้วยตัวเองเพียงแค่

 

1 การประมาณพื้นที่ วัดขนาดพื้นที่ที่จะนำตู้สำหรับเก็บเสื้อผ้ามาวางว่ามีความกว้าง ความสูง รวมทั้งความลึกเยอะแค่ไหน ซึ่งความลึกจะเป็นปัจจัยหลักสำหรับในการตกลงใจว่าควรที่จะทำการเลือกบานตู้เป็นบานเลื่อนหรือบานพับ

 

2 เลือกโครงตู้ เลือกว่าต้องการส่วนประกอบของโครงตู้ที่เหมาะสมกับพื้นที่ของห้อง รวมทั้งปริมาณโครงตู้ดังที่ประเมินการจัดเก็บไอเท็มต่าง ๆ ไว้ อย่าลืมเผื่อความสูงให้พอดิบพอดีกับเพดานห้องด้วย ดังเช่นว่า ถ้าหากเลือกโครงตู้สูง 230 เซนติเมตร เพดานควรจะสูงมากกว่านั้นอีก 20 ซม. ก็เลยจะพอดิบพอดีเมื่อประกอบเสร็จ

 

3 เพิ่มเครื่องไม้เครื่องมือยึดติดข้างใน เพิ่มเครื่องใช้ไม้สอยเสริมต่างๆเพื่อการจัดเก็บอย่างเรียบร้อยรวมทั้งคุ้มในทุกพื้นที่ใช้สอย อาทิเช่น ราวตากผ้า ชั้นวาง และก็ลิ้นชัก ไปจนกระทั่งกระเช้า ที่วางรองเท้า แล้วก็ถาดใส่เครื่องเพชรพลอย โดยคิดถึงสิ่งจำเป็นจำต้องใช้ทุกเมื่อเชื่อวัน จับใช้ได้สบาย แล้วก็แนวทางที่เยี่ยมที่สุดสำหรับการเก็บข้าวของของให้เรียบร้อย

 

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟัง

วันนี้ขอนำเอาเกร็ดความรู้ถึงการกำหนดแผนการวางแบบจัดวางพื้นที่ใช้สอยด้านในภายบ้านอย่างไรถึงจะใช้พลังงานน้อยลง

การจัดวางฟังก์ชั่นของห้องต่าง ๆ ด้านในภายนอกเหนือจากการที่จะนึกถึงความงาม เป็นอันดับที่หนึ่งแล้ว แนวทางของแสงสว่างรวมทั้งลมก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจมองผ่านได้ รวมทั้งคนจำนวนมากก็ชอบรู้เรื่องว่าอิทธิพลของแดดที่มีต่อตัวบ้านจะมาจากทางด้านจะวันออกและก็ทิศตะวันตก เพราะเหตุว่าเป็นด้านที่ตะวันขึ้นตอนเวลาเช้าแล้วก็ตกใน เวลาเย็น

ซึ่งก็ไม่ผิดหากคิดแล้วก็ดีไซน์บ้านจะนึกถึงแสงอาทิตย์ที่ส่องมาจากสองด้านนี้ แม้กระนั้นก็อย่าลืมว่าความร้อนที่เกิดขึ้นด้านในตัวบ้านก็ได้รับอิทธิพลมาจากทางทิศเหนือรวมทั้งทิศใต้ค่อนข้างจะมากมายด้วยเหมือนกัน

โดยเหตุจาก    เครื่องช่วยฟัง  การจัดวางห้องโดยการกำหนดแนวทางของแสงสว่างแล้วก็ลมนี้จะช่วยทำให้มัธยัสถ์ค่าใช้สอยค่าไฟได้มากขึ้น เพราะเหตุนี้ก็เลยจะต้องรู้เรื่องอิทธิพลของแดดยิ่งในเมืองที่แออัดคับแคบจะมีความเห็นว่าลมจะพัดไปทั่วทุกสารทิศ ควรจะหันมามองที่ช่องลม แม้กระนั้นต้องระมัดระวังอย่าให้มีการจัดวางเครื่องเรือนหรือของอื่น ๆ ที่มีไว้เพื่อการแต่งบ้านปิดช่องลม เอาง่าย ๆ ควรจะย้ายออกจกช่องลม

 

• ห้องรับแขก

เป็นห้องที่อยากความสบาย ๆ ในช่วงเวลากลางวัน ยิ่งวันหยุดหลาย ๆ คน บางทีอาจใช้งานแทบทั้งวัน ตำแหน่งที่สมควรควรจะอยู่ทางทิศเหนือ ตะวันออกจรดถึงตะวันออกเฉียงเหนือจะดีเยี่ยมที่สุด และก็หากมีลมพัดมาด้วยแล้วจะยิ่งที่ทำให้ห้องนี้น่านั่งเล่น นอนเล่นเยอะขึ้น

 

• ร้านอาหาร

ด้วยเหตุว่าเป็นห้องที่ใช้งานในช่วงสั้น ๆ ซึ่งถ้าเกิดการใช้แรงงานอีกทั้งในช่วงเวลาเช้าตรู่หรือตอนค่ำ สามารถทำครัวไปลงทิศใต้หรือตะวันตก สาเหตุว่าเช้าตรู่แดดส่องมาไม่มาก เมื่อตอนหัวค่ำแดดก็จะหมด ต้องมองหาหรือทำช่องว่างให้ลมเข้ามา เพื่อเอาความร้อนออกด้วยก็จะดีเยี่ยม

 

• ห้องสุขา

เป็นห้องที่มีความชุ่มชื้นสูงหากดีไซน์ไม่ดีจะมีปัญหาเรื่องกลิ่นตามมาด้วย ตำแหน่งที่สมควร น่าจะอยู่ทางใต้ทิศตะวันตก และตะวันตกเฉียงใต้ เพื่อจะได้มีแสงไฟรวมทั้งกันความร้อนให้ห้องอื่น ที่สำคัญควรมีการถ่ายเทอากาศมองแนวทางให้ดีด้วย

 

• ห้องทำงาน 

จำต้องพิจารณาถึงแสงสว่างธรรมชาติ ถ้าหากจะใช้งานช่วงเวลากลางวันก็ให้ลงทิศเหนือหรือ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือแม้กระนั้นถ้าเกิดเป็นตอนเย็น ก็ตะวันออก และตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งยิ่งถ้าเกิดจัดวางทิศทางห้องทำงานให้มีลมพัดโชยเฉื่อย ๆ ก็จะช่วยความเครียดลดลงแล้วก็ได้บรรยากาศสำหรับเพื่อการนั่งดำเนินงานดีทีเดียว

 

โรคไข้เลือดออกไครเมียน-คองโก (Crimean-Congo hemorrhagic fever, CCHF) เป็นโรคที่เกิดจากไวรัสที่อยู่ในวงศ์ Nairovirus ซึ่งมักจะถ่ายทอดผ่านการสัมผัสกับเลือดหรือสารอื่นๆ ที่ปนเปื้อนด้วยเลือดของสัตว์ที่เป็นพาหะ เช่น หนู, แมลงพาหะ, และสัตว์อื่นๆ

โดยที่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อไปยังผู้คนอื่นๆ ผ่านการสัมผัสกับเลือดหรือของเหลวอื่นที่ปนเปื้อนเชื้อจากผู้ป่วยหรือสัตว์ที่เป็นพาหะ

อาการของโรคไข้เลือดออกไครเมียน-คองโกมักเริ่มต้นด้วยอาการไข้สูง, ปวดหัว, ปวดเมื่อยตามร่างกาย, คลื่นไส้ และอาจมีอาการท้องเสียได้ ในระยะท้ายของโรคอาจเกิดอาการเลือดออกทุกระบบ ได้แก่ เลือดฉ่ำบริเวณผิวหนัง, การลิ่มเลือด, หนาวสั่น, อาเจียนเลือด, และประจำเดือนที่มากเกินไปในผู้หญิง หากไม่ได้รับการรักษาทันที โรคนี้สามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

 

การป้องกันโรคไข้เลือดออกไครเมียน-คองโกมีการป้องกันโดยการป้องกันการสัมผัสกับเลือดหรือสารอื่นที่ปนเปื้อนด้วยเลือดของสัตว์ที่เป็นพาหะ รวมถึงการป้องกันการถูกกัดโดยแมลงพาหะ เช่น แมลงสาปและแมลงปลวก

นอกจากนี้ การสวมใส่เสื้อผ้าที่ครอบคลุมและการใช้สารเคมีเพื่อป้องกันกัดของแมลงยังเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคนี้ด้วย

 

การวินิจฉัยโรคไข้เลือดออกไครเมียน-คองโกมักจะใช้การตรวจหาแอนติเจนหรือกรดนิวคลีอิกในเลือด และการตรวจ PCR เพื่อระบุไวรัสในร่างกายของผู้ป่วย การรักษาโรคนี้มักจะเน้นไปที่การรักษาโรคอาการเฉพาะ โดยรวมถึงการให้น้ำเกลือที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะภายในร่างกายและให้การรักษาสารน้ำตาลทางหลอดเลือดเพื่อป้องกันการช็อคได้

การรักษาด้วยยาแอนติไวรัสก็อาจมีความมั่นคงได้ แต่ยังไม่มีวัคซีนที่มีจำหน่ายสำหรับการป้องกันโรคนี้ในปัจจุบัน ดังนั้นการป้องกันโรคโดยการป้องกันการสัมผัสกับไข่แมลงสาปและการใช้สารเคมีเป็นมาตรการสำคัญในการควบคุมโรคนี้ในทางปฏิบัติ การรักษาเพียงเร็วและการแจ้งเตือนที่ถูกต้องก็เป็นสิ่งสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคนี้ด้วย

 

แนวทางการรักษาโรคไข้เลือดออกไครเมียนคองโก

การรักษาโรคไข้เลือดออกไครเมียน-คองโก (CCHF) มักจะเน้นไปที่การรักษาอาการและการควบคุมอาการรุนแรงของโรค เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่มีจำหน่ายสำหรับโรคนี้ ดังนั้นการรักษามักจะเป็นการบรรเทาอาการและควบคุมอาการรุนแรงไว้ให้ได้ โดยมีแนวทางการรักษาดังนี้

1.การบำบัดอาการ: การรักษาโรค CCHF มักจะเน้นไปที่การบำบัดอาการโดยให้น้ำเกลือผสมน้ำเปล่าในปริมาณมากเพื่อช่วยในการควบคุมการทำงานของอวัยวะภายในร่างกาย การให้น้ำเกลือช่วยในการควบคุมการสูญเสียของไซโตไคนิน และช่วยลดความเสี่ยงต่อการช็อค

2.การให้ระงับอาการ: การให้ยาและการระงับอาการเป็นส่วนสำคัญในการรักษาโรค CCHF เช่น การให้ยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล (Paracetamol) และการให้น้ำเปล่าในปริมาณมากเพื่อป้องกันและระงับอาการของอาการขาดน้ำและละอองออกเลือด

3.การรักษาอาการลักษณะเฉพาะ: การรักษาโรค CCHF มักจะเน้นไปที่การรักษาอาการลักษณะเฉพาะ เช่น การให้การรักษาทางโรคนอกเส้นที่เฉพาะเจาะจง เช่น การรักษาอาการลิ่มเลือด การให้โพลีโวเลน, การให้เอกราวีน, หรือการให้ฮีมาโตโป

4.การรักษาในระยะรุนแรง: ในกรณีที่โรค CCHF เข้าสู่ระยะรุนแรง การรักษาจะต้องเป็นการรักษาที่ระดับสูง มักจะใช้การรักษาด้วยเฉพาะระดับสูง เช่น การให้การรักษาทางสมองและการสนับสนุนชีวิต การให้บริการการรักษาห้องฉุกเฉิน การให้กำลังผู้ป่วย, การให้เครื่องช่วยหายใจ และการให้ระงับอาการรุนแรงอื่นๆ

5.การดูแลเอาใจใส่: การดูแลผู้ป่วยในระยะที่ยังไม่ได้รับการรักษาที่ระดับสูงจะช่วยให้ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตได้มากขึ้น ดังนั้นการให้การดูแลที่ดีและการจัดการอาการอย่างรอบคอบจึงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาโรคนี้

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังแบบไหนดี